หลายคนอาจตื่นเต้นสุด ๆ ตอนซื้อรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ หรือคันมือสองที่เล็งไว้นาน แต่เชื่อไหมครับว่า สิ่งที่หลายคนมักหลงลืมไปในช่วงเวลานั้นก็คือ “การโอนกรรมสิทธิ์” ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันคือขั้นตอนสำคัญที่สุดที่จะบอกว่า รถคันนั้นเป็นของใครกันแน่
ในการซื้อขายรถมอเตอร์ไซค์บ้านเรา มีอยู่ 2 วิธีที่เจอบ่อยที่สุดก็คือ “โอนตรง” และ “โอนลอย” ซึ่งทั้งสองแบบมีข้อดี ข้อเสีย รวมถึงความเสี่ยงที่ต่างกันออกไป บางคนเลือกแบบสะดวก แต่ภายหลังกลับปวดหัวเรื่องเอกสาร บางคนเลือกวิธีปลอดภัยตั้งแต่ต้น แม้จะเสียเวลาเพิ่มนิดหน่อยแต่ก็จบสบายใจในระยะยาว
วันนี้เราจะพาไปดูกันว่าโอนตรงกับโอนลอยคืออะไร แล้วต้องเลือกโอนกรรมสิทธิ์รถมอเตอร์ไซค์แบบไหนถึงจะตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ไปดูกันเลย!
การโอนตรง คือ ขั้นตอนที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเดินทางไปที่สำนักงานขนส่งพร้อมกัน เพื่อโอนกรรมสิทธิ์ให้เรียบร้อยในวันนั้นทันที วิธีนี้ถือว่าปลอดภัยที่สุด เพราะหลังจากทำเรื่องแล้ว ข้อมูลเจ้าของรถในทะเบียนก็จะเปลี่ยนเป็นชื่อของผู้ซื้อโดยสมบูรณ์
ข้อดีของโอนตรงคือ ทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดความเสี่ยงจากปัญหาภายหลัง เช่น การนำรถไปก่อเหตุ หรือการค้างค่าปรับที่ย้อนกลับมาโจทย์คนที่ชื่อยังเป็นเจ้าของในเล่มทะเบียนเดิม ถึงแม้ขั้นตอนจะใช้เวลาและต้องจัดสรรวันให้ทั้งสองฝ่ายไปพร้อมกัน แต่ถือว่าคุ้มค่าเพราะตัดปัญหาได้ยาว ๆ
โอนลอย คือ การที่ผู้ขายเซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ พร้อมกรอกข้อมูลที่จำเป็นให้เรียบร้อย แต่ไม่ได้ไปดำเนินการที่ขนส่งทันที เอกสารเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังผู้ซื้อเพื่อให้เอาไปโอนภายหลังด้วยตัวเอง
ฟังดูเหมือนสะดวก แต่จริง ๆ แล้วโอนลอยมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เพราะระหว่างที่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนชื่อในทะเบียนมอเตอร์ไซค์ รถยังคงถือว่าเป็นชื่อของเจ้าของเดิม หากรถถูกนำไปใช้ก่อปัญหา ไม่ว่าจะเป็นค่าปรับ อุบัติเหตุ หรือแม้แต่การก่อคดี เจ้าของชื่อเดิมก็อาจถูกดึงไปเกี่ยวข้องได้ทันที
คำตอบขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคน หากคุณต้องการความสบายใจ และไม่อยากเจอปัญหาตามมาในอนาคต โอนตรงคือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะชื่อในเล่มทะเบียนจะถูกเปลี่ยนทันที และมั่นใจได้ว่ารถเป็นของคุณอย่างสมบูรณ์
แต่ถ้าเป็นกรณีซื้อขายด่วน หรือต้องส่งต่อรถให้กับคนอื่นอีกที โอนลอยอาจดูสะดวกกว่า เพียงแต่ผู้ซื้อจำเป็นต้องรีบไปดำเนินการที่ขนส่งเอง ไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคา เพราะยิ่งนานไปก็ยิ่งเสี่ยงต่อปัญหาที่คาดไม่ถึง
ทั้งนี้ผู้ซื้อผู้ขายควรมีความรอบคอบอยู่เสมอ เพราะเอกสารเพียงแผ่นเดียว อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญระหว่างรถที่เป็นของเราอย่างแท้จริง กับรถที่อาจพาเรื่องปวดหัวมาให้ ดังนั้นอย่าลืมที่จะรับผิดชอบดำเนินการโอนรถต่อให้จบอย่างรวดเร็ว เพื่อความสบายใจทั้งผู้ซื้อผู้ขาย ด้วยความเป็นห่วงจาก 35 ยนตรการ
