การดูแลมอเตอร์ไซค์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ได้มีแค่การเช็กน้ำมันเครื่องหรือทำความสะอาดเท่านั้น แต่
แต่คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ ควรเติมลมยางเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม? คำตอบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเลขเดียวแบบตายตัว เพราะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งขนาดรถ น้ำหนักบรรทุก และสภาพการใช้งาน
ยางมอเตอร์ไซค์ คือจุดสัมผัสเดียวระหว่างรถกับพื้นถนน หากแรงดันลมไม่เหมาะสม ก็เหมือนพื้นรองเท้าที่บิดเบี้ยว การยึดเกาะถนนจะลดลง ความมั่นใจในการเลี้ยวหรือเบรกก็หายไปทันที ยางที่แข็งเกินไปจะทำให้การกระแทกส่งถึงตัวรถและผู้ขี่โดยตรง ส่วนยางที่อ่อนเกินไปจะบวม ย้วย และมีโอกาสเสียรูปจนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ ลมยางยังมีผลต่อความประหยัดน้ำมันอีกด้วย ยางที่อ่อนจะสร้างแรงต้านมากขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักกว่าเดิม ขณะที่ยางที่แข็งเกินไปก็อาจทำให้การยึดเกาะถนนลดลง ถึงแม้รถจะลื่นไหล แต่กลับเสี่ยงลื่นไถลโดยไม่รู้ตัว
มอเตอร์ไซค์ที่ใช้ขี่ในชีวิตประจำวัน เช่น รถครอบครัวหรือสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็ก มักกำหนดแรงดันลมยางไว้ประมาณ 28-32 PSI สำหรับล้อหน้า และ 32–36 PSI สำหรับล้อหลัง แต่ตัวเลขเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับคู่มือรถที่ผู้ผลิตกำหนดไว้
ทั้งนี้ ควรเช็กจากสติ๊กเกอร์ที่ติดบนตัวรถหรือคู่มือผู้ใช้งาน ซึ่งจะระบุชัดเจนว่าควรเติมเท่าไหร่ตามสภาพการใช้งานจริงของรถรุ่นนั้น ๆ
ผู้ขี่จำนวนไม่น้อยเคยเจอปัญหารถสะบัด รถกินซ้ายหรือขวา รวมถึงยางสึกไม่เท่ากัน ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากการเติมลมผิดค่าที่กำหนด
อันตรายเหล่านี้อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะหลายครั้งคนขี่ไม่ได้เช็กลมยางบ่อย ๆ และกว่าจะรู้ก็อาจสายเกินไป
การเช็กลมยางไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรทำอย่างถูกวิธีเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำที่สุด
แรงดันลมที่เหมาะสมไม่ได้หมายความว่าต้องเท่ากันทุกสถานการณ์ หากคุณใช้มอเตอร์ไซค์ในสภาพที่ต่างกัน ก็อาจต้องปรับลมเล็กน้อย เช่น
ท้ายที่สุดแล้ว การดูแลลมยางไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้เอง หากใส่ใจเติมลมให้ถูกต้องตามมาตรฐาน เหมาะสมกับการขับขี่ ก็จะช่วยให้รถควบคุมง่าย ยึดเกาะถนนดี ประหยัดน้ำมัน ด้วยความเป็นห่วงจาก 35 ยนตรการ