เมื่อนึกถึงการดูแลรถ หลายคนอาจจะนึกถึงน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือของเหลวต่าง ๆ ที่เปลี่ยนตามระยะ แต่มีของเหลวอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน และมักถูกละเลยอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ “น้ำมันเฟืองท้าย” หรือที่บางคนเรียกว่า น้ำมันเกียร์เฟืองท้ายนั่นเอง
แม้จะเป็นส่วนที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงในชีวิตประจำวันของเจ้าของรถ แต่ความจริงแล้ว น้ำมันเฟืองท้ายมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อระบบส่งกำลังของรถ หากปล่อยปละละเลย อาจนำไปสู่ความเสียหายที่ต้องเสียเงินซ่อมแซมหลายหมื่นบาทเลยก็เป็นได้
วันนี้เราจะพาไปดูกันว่าน้ำมันเฟืองท้ายคืออะไร ต้องเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน แล้วถ้าไม่เปลี่ยนจะเกิดอะไรขึ้น พร้อมแล้วไปอ่านเลย!
น้ำมันเฟืองท้าย คือของเหลวที่ใช้หล่อลื่นภายในชุดเฟืองท้ายของมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเพลา หรือมีชุดเฟืองทดกำลัง เช่น บิ๊กไบค์สายทัวร์ริ่ง, ครุยเซอร์ หรือสกู๊ตเตอร์บางรุ่น โดยน้ำมันชนิดนี้จะช่วยลดแรงเสียดทานและความร้อนขณะเฟืองหมุน ส่งผลให้ระบบขับเคลื่อนทำงานได้ราบรื่น ไม่สะดุด และยืดอายุการใช้งานของเฟืองต่าง ๆ
รถมอเตอร์ไซค์บางประเภทมีระบบเฟืองท้ายที่ต้องการการดูแลไม่ต่างจากรถยนต์ โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเพลา หรือที่เรียกว่า “เพลาขับ” (Shaft Drive) ซึ่งจะไม่ใช้โซ่หรือสายพานแบบทั่วไป
ตัวอย่างรุ่นที่ใช้ระบบเพลาขับ เช่น
รถมอเตอร์ไซค์เหล่านี้มีชุดเฟืองท้ายอยู่ในระบบส่งกำลัง ซึ่งจะมีน้ำมันเฟืองท้ายช่วยหล่อลื่นเช่นเดียวกับรถยนต์ หากปล่อยให้แห้งหรือเสื่อมสภาพ จะทำให้ระบบขับเคลื่อนสึกหรอเร็ว ออกตัวกระตุก หรือในกรณีร้ายแรงอาจพังเสียหายทั้งชุด
โดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก ๆ 40,000-60,000 กิโลเมตร หรือขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผู้ผลิตรถแต่ละรุ่น แต่ถ้าหากใช้งานหนัก เช่น ขนของประจำ ลุยน้ำ หรือขับทางวิบาก ก็ควรเปลี่ยนเร็วขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหาย
บางศูนย์บริการอาจแนะนำให้ตรวจเช็กและเปลี่ยนตั้งแต่ 30,000 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นช่วงปลอดภัยสำหรับการบำรุงรักษา
น้ำมันเฟืองท้ายมีหลายเบอร์ หลายชนิด เช่น
การเลือกใช้ควรดูจากคู่มือรถ หรือสอบถามช่างผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากเลือกใช้น้ำมันผิดเบอร์หรือผิดประเภท อาจทำให้ระบบหล่อลื่นไม่สมบูรณ์ หรือเกิดเสียงดังในเฟืองท้ายได้
*ทั้งนี้รถที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยเพลา หรือมีเฟืองท้ายในชุดส่งกำลัง เช่น บิ๊กไบค์หรือสกู๊ตเตอร์บางรุ่น ควรใช้น้ำมันเฟืองท้ายตามที่ผู้ผลิตแนะนำเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาระยะยาว และช่วยให้ระบบขับเคลื่อนทำงานได้ราบรื่นตลอดการใช้งาน
น้ำมันเฟืองท้ายมีอายุการใช้งานเช่นเดียวกับน้ำมันเครื่อง หากใช้งานไปนาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนเลย น้ำมันจะเสื่อมสภาพ หนืดข้น เกิดตะกอน และหล่อลื่นได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เฟืองภายในทำงานหนักขึ้น สึกหรอเร็วขึ้น และในที่สุดอาจทำให้ระบบเฟืองท้ายพังเสียหาย
อาการที่อาจสังเกตได้เมื่อถึงเวลาควรเปลี่ยน ได้แก่
หากปล่อยให้เกิดความเสียหายจนถึงขั้นเฟืองท้ายพังจริง ๆ ค่าซ่อมอาจเริ่มต้นที่หลักหมื่น และบางรุ่นอาจต้องเปลี่ยนยกชุด ซึ่งมีราคาสูงมาก
ดังนั้นอย่ามองข้ามน้ำมันเฟืองท้าย ใครที่ขับรถมานานแล้วแต่ยังไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายเลย ลองเช็กระยะดูอีกทีว่าถึงเวลาหรือยัง เพราะแค่ดูแลจุดเล็ก ๆ แบบนี้ ก็ช่วยยืดอายุรถได้อีกยาวนาน และช่วยประหยัดค่าซ่อมในอนาคตได้มากกว่าที่คิด ด้วยความห่วงใยจาก 35 ยนตรการ
