
เสียง “ติ๊ก ๆ” จากไฟเลี้ยวที่คุ้นเคยเวลาเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวรถ อยู่ดี ๆ ก็เงียบหายไป หรือไฟเลี้ยวติดค้างไม่ยอมกระพริบ ปัญหานี้อาจทำให้หลายคนตกใจว่ารถมีปัญหาใหญ่หรือไม่ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ไฟเลี้ยวไม่กระพริบเป็นอาการที่พบได้บ่อย และมักซ่อมได้ไม่ยากหากรู้ต้นเหตุที่แท้จริง
ก่อนจะรีบเข้าศูนย์บริการ ลองมาดู 4 สาเหตุหลักที่ทำให้ไฟเลี้ยวมีอาการแปลก ๆ พร้อมวิธีเช็กเบื้องต้นที่ทำได้ด้วยตัวเองกันครับ
สาเหตุยอดนิยมอันดับหนึ่งของไฟเลี้ยวไม่กระพริบคือหลอดไฟขาด เมื่อตัวหลอดขาด วงจรไฟฟ้าจะไม่สมบูรณ์ ทำให้ไฟเลี้ยวทั้งฝั่งทำงานผิดปกติ เช่น กระพริบเร็วผิดจังหวะ, ติดค้างไม่ดับ หรือไม่ติดเลยทั้งสองฝั่ง
วิธีตรวจเช็กเบื้องต้นคือเปิดไฟเลี้ยวทีละฝั่ง แล้วเดินดูรอบคันว่าหลอดฝั่งใดไม่ติด หากพบว่าด้านใดขาด ให้เปลี่ยนหลอดใหม่ ซึ่งเป็นการแก้ไขที่ง่ายและประหยัดที่สุด
รีเลย์ไฟเลี้ยวทำหน้าที่ควบคุมจังหวะกระพริบของไฟ หากรีเลย์เสีย วงจรจะไม่สามารถเปิด-ปิดกระแสไฟได้ตามจังหวะ จึงเกิดอาการไฟติดค้างหรือไม่กระพริบเลย
สาเหตุที่ทำให้รีเลย์เสีย เช่น อายุการใช้งานนาน ความชื้นเข้าสู่กล่อง หรือความร้อนสะสมจนวงจรไหม้ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือเปิดไฟเลี้ยวแล้วฟังเสียง “ติ๊ก ๆ” หากไม่มีเสียงหรือไฟค้างนิ่ง ให้สงสัยรีเลย์ไว้ก่อน รีเลย์เป็นอะไหล่ที่ราคาไม่สูงมาก และสามารถเปลี่ยนได้ไม่ยาก
สวิตช์ไฟเลี้ยวหรือก้านไฟเลี้ยวเป็นจุดที่ใช้งานบ่อย หากใช้นานจนขั้วต่อหลวม หรือมีฝุ่นเข้าไปสะสมมากเกินไป จะทำให้สัญญาณไฟฟ้าขาดช่วง จนไฟเลี้ยวไม่ทำงาน หรือทำงานเป็นบางครั้ง
หากเพื่อน ๆ สังเกตว่าเวลาโยกก้านไฟเลี้ยวแล้วไฟไม่ติด ต้องขยับหลายครั้งกว่าจะทำงาน หรือไฟติดค้างไม่ดับ แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์เพื่อให้ช่างตรวจเช็ก เพราะการถอดก้านไฟเลี้ยวเองอาจทำให้ขั้วต่อภายในเสียหายได้
บางครั้งต้นเหตุอาจมาจากฟิวส์ขาดหรือสายไฟชำรุด โดยเฉพาะรถที่ใช้งานมานาน หรือรถที่ขี่ลุยน้ำท่วม ความชื้นสามารถทำให้ขั้วไฟเกิดสนิม และทำให้กระแสไฟไปไม่ถึงรีเลย์หรือหลอดไฟ
คุณสามารถตรวจเช็กได้จากแผงฟิวส์ตามคู่มือรถ หากพบว่าฟิวส์ขาดให้เปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วไฟยังไม่ทำงาน ควรให้ช่างตรวจระบบสายไฟเพิ่มเติม เพราะอาจมีสายหลวม ขาด หรือไฟรั่วในระบบ
ก่อนนำรถเข้าศูนย์ ลองเช็กเองได้ง่าย ๆ ดังนี้
หากทำครบแล้วแต่ยังไม่หาย ควรหยุดใช้งานไฟเลี้ยวทันทีและนำรถเข้าศูนย์บริการ เพราะไฟเลี้ยวคือสัญญาณสำคัญในการสื่อสารกับผู้ร่วมถนน การไม่มีไฟเลี้ยวอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นหากพบว่าไฟเลี้ยวไม่กระพริบหรือไฟติดค้าง ให้เพื่อน ๆ ลองตรวจเช็กด้วยตัวเองก่อน ถ้าตรวจเช็กเองแล้วยังไม่ดึขึ้น ควรนำรถเข้าศูนย์บริการให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และยืดอายุการใช้งานของระบบไฟ ด้วยความเป็นห่วงจาก 35 ยนตรการครับ