มอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะที่ใช้งานบ่อยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะขับไปทำงาน ส่งของ หรือเดินทางไกล การดูแลรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอะไหล่บางชิ้นที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
ทั้งนี้ก็มีอะไหล่จำนวนไม่น้อยที่สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย แต่ก็มีบางชิ้นที่หากปล่อยให้เสื่อมสภาพก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือส่งผลต่อสมรรถนะของรถแบบไม่รู้ตัว และนี่คือ 5 อะไหล่ที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ ไปดูกันเลย!
ระบบเบรกคือหัวใจของความปลอดภัยบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรกหรือดรัมเบรก ซึ่งผ้าเบรกมีหน้าที่สร้างแรงเสียดทานกับจานหรือดุมเบรก เพื่อชะลอความเร็วของรถ หากผ้าเบรกสึกจนบาง จะทำให้ระยะเบรกยาวขึ้น เบรกไม่อยู่ หรือในบางครั้งอาจได้ยินเสียงโลหะเสียดสีกัน
สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรเปลี่ยนผ้าเบรก ได้แก่
ระยะเวลาในการเปลี่ยนขึ้นอยู่กับการใช้งาน แต่โดยเฉลี่ยควรตรวจเช็กทุก ๆ 5,000-10,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนทันทีหากผ้าเบรกเหลือน้อยกว่า 2-3 มิลลิเมตร
โซ่และสเตอร์ทำหน้าที่ส่งแรงจากเครื่องยนต์ไปยังล้อหลัง ซึ่งเป็นจุดที่รับแรงตลอดเวลาที่ขับรถ หากโซ่มีลักษณะยืดยาวหรือสเตอร์ที่ฟันสึกจะทำให้การขับขี่ไม่ราบรื่น รถอืด เสียงดัง และอาจทำให้โซ่หลุดในขณะขับขี่ได้
อาการที่มักเจอคือ
โดยทั่วไปควรเปลี่ยนชุดโซ่และสเตอร์ทุก ๆ 15,000-20,000 กิโลเมตร หรือเปลี่ยนให้เร็วขึ้นหากใช้งานหนัก เช่น ขี่ทางลูกรังหรือบรรทุกของบ่อย ๆ รวมถึงควรหมั่นหล่อลื่นโซ่ทุก ๆ 500-800 กิโลเมตรเพื่อยืดอายุการใช้งาน
ยางมอเตอร์ไซค์เป็นจุดเดียวที่สัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา หากยางสึก เก่า หรือแข็งตัวเพราะอายุการใช้งาน จะทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลง และเสี่ยงต่อการลื่นไถล โดยเฉพาะตอนเบรกกะทันหัน หรือขี่กลางฝน
ไม่จำเป็นต้องรอให้ยางแบนหรือระเบิดถึงจะเปลี่ยน สังเกตง่าย ๆ จากดอกยางที่ตื้นลง จนเห็นแท่งบอกสึก (Tread Wear Indicator) หรือหากใช้มายาวนานเกิน 2-3 ปี แม้ดอกยังอยู่ แต่เนื้อยางแข็งแล้วก็ควรเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย
ยางหน้าและหลังสึกไม่เท่ากัน ควรเช็กทั้งสองเสมอ แต่ก็เปลี่ยนยางทั้งคู่เมื่อจำเป็น เพื่อให้รถบาลานซ์และขี่ได้มั่นใจ
แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์มีหน้าที่จ่ายไฟให้กับระบบจุดระเบิด ไฟหน้า ไฟท้าย รวมถึงสตาร์ทรถ ถ้าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม จะสังเกตได้จากการสตาร์ทยาก ไฟหรี่ หรือบางครั้งขี่อยู่รถก็ดับไปเฉย ๆ
โดยเฉลี่ยแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานประมาณ 1.5-2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและการใช้งาน ถ้าจอดรถนาน ๆ ไม่ได้สตาร์ทเลยก็จะทำให้แบตหมดเร็วขึ้น หรือในบางกรณีแบตเตอรี่อาจเสื่อมแบบ
ไม่เตือนล่วงหน้า ดังนั้นจึงควรเช็กแรงดันแบตเป็นระยะ และเปลี่ยนเมื่อเริ่มมีอาการผิดปกติ
หลอดไฟไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย หรือไฟเบรก ล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับขี่ โดยเฉพาะเวลากลางคืนหรือฝนตก หากหลอดขาดโดยไม่รู้ตัว จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทันที เช่น รถคันหลังไม่เห็นไฟเบรก หรือขับสวนกันแล้วไม่มีไฟหน้าส่องทาง
หลอดไฟส่วนใหญ่ไม่ได้มีอายุการใช้งานที่แน่นอน แต่ถ้าเริ่มสว่างน้อยลง ไฟกระพริบ หรือขาดบ่อยกว่าปกติ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที และแนะนำให้เปลี่ยนเป็นหลอดที่มีคุณภาพดี เพื่อความทนทานและสว่างเพียงพอ
สรุปได้ว่า อะไหล่มอเตอร์ไซค์แต่ละชิ้นล้วนมีผลต่อความปลอดภัยโดยตรง หากรู้ระยะที่
เหมาะสมในการเปลี่ยน และใส่ใจดูแลให้ตรงจุด จะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และทำให้การขับขี่เป็นเรื่องที่มั่นใจขึ้นทุกครั้งที่สตาร์ทรถ
ใครที่ใช้งานรถทุกวัน อย่ารอให้อาการมาเตือน เพราะบางครั้งถ้าสายเกินไปก็อาจทำให้เสี่ยงอันตรายต่อชีวิตโดยไม่รู้ตัว ด้วยความเป็นห่วงจาก 35 ยนตรการ